ข่าวประชาสัมพันธ์

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิขานรับนโยบาย ‘สุริยะ’ เร่งแก้ปัญหาการบริหารจัดการการให้บริการภาคพื้น เพื่อให้การบริการเป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย พร้อมเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

%e0%b8%97%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a8%e0%b8%a2%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%aa%e0%b8%b8%e0%b8%a7%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%93%e0%b8%a0%e0%b8%b9%e0%b8%a1%e0%b8%b4%e0%b8%82-2

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ขานรับนโยบายพร้อมเร่งแก้ไขปัญหาการให้บริการภาคพื้นร่วมกับผู้ประกอบการการให้บริการภาคพื้น เพื่อให้ผู้โดยสารและสายการบินได้รับความสะดวก รวดเร็ว พร้อมผลักดันสายการบินไปใช้บริการที่อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite 1: SAT-1) ลดปัญหาความแออัด พร้อมรองรับผู้โดยสารที่คาดว่าจะเพิ่มมากขึ้นภายหลังรัฐบาลยกเว้นการตรวจลงตราวีซ่าฟรี จีน คาซัคสถาน อินเดีย

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (รวค.) ได้เชิญประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาการให้บริการภาคพื้นของผู้ประกอบการ ณ ทสภ. เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา และได้สั่งการให้ท่าอากาศยานภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.)โดยเฉพาะ ทสภ. ซึ่งมีผู้โดยสารเดินทางผ่านเข้า – ออกเป็นจำนวนมาก ให้มีความพร้อมในการให้บริการ ทั้งการให้บริการภาคพื้นและการบริหารจัดการด้านจราจรทางอากาศ ให้สามารถรองรับปริมาณเที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นได้ รวมทั้งให้ประสานงานกันอย่างใกล้ชิดกับสายการบิน และผู้ประกอบการการให้บริการภาคพื้น ทั้ง 2 ราย คือ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท บริการภาคพื้นการบินกรุงเทพเวิลด์ไวด์ไฟลท์เซอร์วิส จำกัด ในการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนบุคลากร และจัดหาอุปกรณ์ภาคพื้นให้เพียงพอต่อการให้บริการของสายการบิน สำหรับการแก้ไขปัญหาในระยะยาวได้กำชับให้ ทอท. ทำการสรรหาผู้ให้บริการภาคพื้นรายที่ 3 ให้แล้วเสร็จตามแผนงาน

ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. กล่าวว่า ทอท. จะเร่งดำเนินการตามนโยบายของ รวค. ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยจะติดตามให้บริษัทผู้ให้บริการภาคพื้นเร่งปรับปรุงประสิทธิภาพของกระบวนการการทำงานของบริษัท เพื่อให้สามารถรองรับเที่ยวบินที่จะไปใช้บริการที่อาคาร SAT – 1 เพิ่มมากขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในส่วนของ ทสภ. จะเริ่มดำเนินการตามข้อสั่งการของ รวค. ในทันที โดยจะทยอยย้ายเที่ยวบินที่ใช้หลุมจอดระยะไกล (Remote Parking) ไปจอดที่อาคาร SAT – 1 ซึ่งในช่วงแรกจะเพิ่ม 25 เที่ยวบินต่อวันภายใน 1 สัปดาห์ และจะเพิ่มขึ้นเป็น 200 เที่ยวบินต่อวัน ภายใน 1 เดือน ซึ่งจะทำให้ผู้โดยสารได้รับการบริการที่สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ปัจจุบันอาคาร SAT – 1 มีเที่ยวบินใช้บริการเพียง 84 เที่ยวบินต่อวัน ในขณะที่มีขีดความสามารถในการรองรับเที่ยวบินได้กว่า 400 เที่ยวบินต่อวัน

นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทสภ. อยู่ในระหว่างจัดตั้งห้องศูนย์บัญชาการร่วม เพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกับทุกส่วนงานในทุกมิติในการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาความแออัดภายในอาคารผู้โดยสาร โดยจะมีเจ้าหน้าที่ ทสภ. เข้าเวรตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อกำกับดูแลความเรียบร้อยภายในอาคารผู้โดยสาร กำกับดูแลกระบวนการผ่านเข้า – ออกของผู้โดยสาร ตรวจสอบสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้พร้อมบริการ เพื่อให้สามารถอำนวยความสะดวกผู้โดยสารให้ได้รับความสะดวกรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ สำหรับการบริหารจัดการผู้โดยสารรอเช็กอินล่วงหน้าที่มีความหนาแน่น โดยเฉพาะในช่วงเวลา 20.00 – 01.00 น. ได้มีการประสานสายการบินให้ทำการเปิดเคาน์เตอร์เช็กอินก่อนล่วงหน้าเป็น 4 ชั่วโมง ก่อนเครื่องออก เพื่อลดปัญหาความแออัด

ทั้งนี้ ทสภ. มีความพร้อมในการรองรับผู้โดยสาร โดยได้ประสานข้อมูลกับหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวเพื่อเตรียมความพร้อม ทั้งด้านบุคลากร และสิ่งอำนวยความสะดวก อุปกรณ์ต่าง ๆ ทั้งในส่วน Landside และ Airside ของท่าอากาศยาน เพื่อรองรับผู้โดยสารที่จะเดินทางผ่านเข้า – ออก ท่าอากาศยาน ให้ได้รับความสะดวก รวดเร็วที่สุด

0 Comments
Share

Admin

Reply your comment

Your email address will not be published. Required fields are marked*