เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวต่างประเทศรายงานว่า พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือบิ๊กโจ๊ก ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (รองผบช.สตม.) และพล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล พร้อมคณะที่ปรึกษา รมว.กระทรวงแรงงาน เข้าพบ นาย Najeeb Alawadhi ผู้บัญชาการระดับสูงหน่วยงานความมั่นคงสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ที่สำนักงานความมั่นคงสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ เพื่อประสานความร่วมมือในการช่วยเหลือหญิงไทยที่ถูกหลอกไปค้าประเวณีในเมืองดูไบ
จากข้อมูลแก๊งค้ามนุษย์มีคนไทยเป็นผู้ประสานกับนายทุนชาวจีน และชาวอินเดีย ที่อยู่ในเมือง ราสอัลไคมาห์ และอัจมาน ซึ่งในสองเมืองหลังอยู่ห่างจากเมืองดูไบประมาณ 200 กิโลเมตร โดยขบวนการนี้จะใช้ร้านนวดบังหน้าในการบังคับให้หญิงไทยค้าประเวณี หากปฏิเสธเป็นหนี้นับ 100,000 บาท หรือไม่ก็อาจถูกขายทอดตลาดให้กับแก๊งค้ามนุษย์ต่างเมือง
โดยนาย Najeeb Alawadhi ผู้บัญชาการระดับสูงหน่วยงานความมั่นคงสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ รับปากจะเร่งดำเนินการช่วยเหลือหญิงไทยตามคำร้องขอโดยเร็ว และจะขยายความร่วมมือไปยังเมืองข้างเคียงเพื่อร่วมแก้ปัญหาการค้ามนุษย์กลับประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง จากนั้น พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ และคณะได้เข้าพบ นายวราวุธ ภู่อภิญญา เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงอาบูดาบี เพื่อรับฟังปัญหาและแนวทางการจัดการปัญหาแรงงานไทยถูกหลอกมาทำงานผิดกฎหมายในดูไบ พบในแต่ละเดือนจะมีคนไทยเข้ามาขอความช่วยเหลือนับ 100 คน ส่วนใหญ่เข้ามาทำงานผิดกฎหมาย อยู่เกินระยะเวลาที่กำหนด รวมถึงถูกหลอกให้ค้ายาเสพติดและค้าประเวณี เฉลี่ยแต่ละปีสถานฑูต ต้องส่งคนไทยกลับประเทศนับ 1,000 คน ซึ่งท่านเอกราชทูตไทยเตือนคนไทยที่จะมาทำงานในสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ต้องศึกษาข้อมูลให้ดีและควรสมัครงานผ่านกระทรวงแรงงานเพราะจะได้การคุ้มครอง และฐานเงินเดือนขั้นต่ำ หากมาทำงานผิดกฎหมายเสี่ยงที่จะถูกจับดำเนินคดี
ทั้งนี้ยืนยันว่า UAE ราย มีได้ไม่สูงเหมือนที่นายหน้าไปหลอกลวง เพราะโดยค่าเฉลี่ยรายได้ขั้นต่ำของแรงงานทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 800 ดีแรม ค่าอาหารและที่พักผู้ว่าจ้างจะเป็นคนออกให้ฟรี
จากนั้นคณะ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ได้เดินทางเข้าพบ นายชัยรัตน์ ศิริวัฒน์ กงสุลใหญ่เมืองดูไบ เพื่อหารือแนวทางในการเตรียมรับเหยื่อการค้ามนุษย์เดินทางกลับประเทศไทย โดยที่ผ่านมากงสุลใหญ่เมืองดูไบ ระบุว่า ทางสถานกงสุลต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายทั้งเรื่องที่อยู่อาศัยระหว่างรอการส่งกลับ รวมทั้งค่าตั๋วเครื่องบิน ซึ่งใช้งบประมาณแผ่นดินจำนวนไม่น้อยในการช่วยเหลือคนไทยในต่างแดน
อีกปัญหาคือมีหญิงไทยที่ถูกล่อลวงมาค้าประเวณีจำนวนไม่น้อยพลาดพลั้งตั้งท้อง ทำให้สถานกงสุล ต้องประสานกับหลายหน่วยงานเพื่อหาทางยื่นเรื่องต่อศาลให้มีคำสั่งรับรองบุตรที่เกิดจากหญิงไทยที่ถูกล่อลวงก่อนถึงจะส่งกลับประเทศได้
ขณะที่ นางปลิดา ร่วมคำ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) กล่าวว่า ความต้องการแรงงานไทยในดูไบมีมากกว่า 5,000 อัตราต่อปี ปัจจุบันมีคนเข้ามาในช่องทางถูกกฎหมาย 3,000 อัตรา และอีก 2,000 กว่าอัตราเป็นกลุ่มที่ลักลอบเข้ามาทำงานผิดกฏหมาย โดยแอบซื้อวีซ่าทำงานมาเปลี่ยนภายหลัง
จึงอยากเตือนสติหญิงไทยให้ศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนและหากอยากได้งานทำโดยมีสวัสดิการและการคุ้มครองที่ดีจากรัฐจะต้องสมัครงานผ่านกรมการจัดหางานเพื่อให้แรงงานที่จะเข้ามาในดูไบมีฐานเงินเดือนขั้นต่ำที่ไม่น้อยกว่า 15,000 บาท และจะได้ทำงานอย่างมีศักดิ์ศรีไม่ถูกล่อลวงไปทำงานที่ผิดกฎหมายหรือต้องคอยหาซื้อวีซ่ามาสวม ซึ่งเสี่ยงที่จะถูกดำเนินคดี
ด้าน พล.ต.ต.นันทชาติ กล่าวว่า ที่ผ่านมาปัญหาที่เจอบ่อยที่สุด คือคนไทยที่เดินทางเข้ามาในดูไบ มีเป้าประสงค์มาทำงานแต่ไม่มีข้อมูลที่ดีพอ สุดท้ายก็ต้องมาแอบซื้อวีซ่าทำงานเพื่ออยู่ต่อได้แค่สามเดือนหกเดือนไม่เกินเก้าเดือนต่อครั้ง และหากพลาดพลั้งก็อาจถูกหลอกเข้าไปอยู่ในวังวนการค้ามนุษย์ที่ใช้แรงงานเยี่ยงทาส
ทั้งนี้ยืนยันว่านายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานมีความเป็นห่วงแรงงานไทยที่เดินทางมายัง UAE และไม่อยากให้สถานการณ์การค้ามนุษย์ในประเทศนี้รุนแรงมากกว่าที่เป็นอยู่ ทั้งนี้แนะนำให้แรงงานไทยที่อยากมีงานทำประสานตรงที่กรมการจัดหางานกระทรวงแรงงานจะได้งานที่มีคุณภาพมีทักษะและตรงกับความต้องการ
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ขบวนการค้ามนุษย์ใน UAE จะทำงานเป็นเครือข่ายโดยมีคนไทยคอยเป็นตัวประสานงานหลักเพื่อหลอกลวงคนไทยมาค้ามนุษย์ในดูไบ โดยเหยื่อจะถูกยึดพลาสปอร์ตทันทีที่เดินทางมาถึง และหากปฏิเสธการทำงานก็จะต้องเป็นหนี้สินจำนวนไม่น้อย หลายคนจึงตกอยู่ในสภาพจำยอม โดยเฉพาะกลุ่มหญิงไทย ถูกบังคับให้ค้าประเวณีโดยต้องรับแขกอย่างน้อยวันละ 10 ครั้งตั้งแต่เช้าจรดมืด และหากปฏิเสธการทำงานก็อาจถูกทำร้ายกักขังทำให้สูญเสียอิสรภาพ
ที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดคือข้อมูลที่ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว และป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ (ศพ ดส.ตร.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบหญิงไทยจำนวนไม่น้อยถูกขายทอดไปให้ขบวนการค้ามนุษย์ที่อยู่ต่างเมืองออกไป ทำให้ความเป็นอยู่ยิ่งลำบากและการช่วยเหลือก็เป็นไปได้ยาก นั่นเป็นเพราะระบบการสื่อสารผนวกกับหญิงไทยที่โดนหลอกมาส่วนใหญ่จะไม่มีความรู้ทางภาษา หลายคนจึงตกอยู่ในสภาพเหมือนตกนรกบนดิน
ขณะที่ พล.ต.ต.อาชยน กล่าวว่า แต่ละเดือนจะมีคนไทยเดินทางมุ่งหน้ามา UAE เดือนละ 400 คน โดยช่วงโควิดที่ผ่านมาดูไบไม่ปิดประเทศการเดินทางเข้าหมายถึงเพิ่มมากขึ้นนี่ทำให้สถิติการถูกหลอกลวงเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
อย่างไรก็ตามสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไม่สามารถสกัดกั้นการเดินทางได้แม้จะรู้ว่าในจำนวนผู้เดินทางไม่น้อยตกเป็นเหยื่อแก๊งค้ามนุษย์ นั้นเป็นเพราะว่าการเดินทางในแต่ละครั้งเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่ผู้เดินทางมีสิทธิ์ที่จะได้รับการลงตราให้ออกนอกประเทศยกเว้นกรณีที่ผู้เดินทางมีความผิดตามกฏหมายหรือต้องคดีอาญา
โดยจากนี้ไปจะทำงานร่วมกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นกระทรวงแรงงานการท่าอากาศยานรวมไปถึงสายการบิน และสถานทูต เพื่อทำบัญชีแก๊งค้ามนุษย์ ขึ้นมาใช้ร่วมกันจะได้ช่วยกันสกัดกั้นไม่ให้ขบวนการนี้สามารถหลอกลวงคนไทยได้อีก
ทั้งนี้หลังจากเดินทางเข้าพบหน่วยงานความมั่นคงของดูไบได้ไม่ถึงสัปดาห์ทางการดูไบก็บุกเข้าไปช่วยเหลือหญิงไทยออกมาได้เป็นกลุ่มแรกและยืนยันว่าจะใช้ความเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ประสานกับตำรวจในเมืองข้างเคียงเพื่อให้การช่วยเหลือหญิงไทยที่ตกเป็นเหยื่อแก๊งค้ามนุษย์โดยเร็วที่สุด
โดยหญิงไทยที่ตกเป็นเหยื่อแก๊งค้ามนุษย์ที่ได้รับการช่วยเหลือกลุ่มแรกถูกส่งตัวขึ้นเครื่องบินกลับมายังประเทศไทยแล้ว เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมาและจะเข้าสู่กระบวนการกักตัวตามมาตรการควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุขเป็นเวลา 10 วันก่อนที่จะเดินทางเข้าพบ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเพื่อขอบคุณที่ให้การช่วยเหลือคนไทยที่ตกทุกข์ได้ยากในต่างประเทศ