ประธานเครือข่ายธรรมาภิบาลไทยแห่งชาติ บุกทำเนียบร้องทุกข์กับอธิบดี กรมหนึ่งในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ฐานใช้รถยนต์หลวงนอกเวลาราชการ
ประธานเครือข่ายธรรมาภิบาลไทยแห่งชาติ บุกทำเนียบ นำพยานหลักฐานเพิ่มเติม มอบศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์รัฐบาล ดำเนินคดีกับอธิบดี กรมหนึ่งในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ฐานใช้รถยนต์หลวงนอกเวลาราชการ และใช้เจ้าหน้าที่ใต้บังคับบัญชาทำงานช่วยเหลือเอกชนในเวลาราชการ
นายพชร พูลเจริญภักดี ประธานเครือข่ายธรรมาภิบาลไทยแห่งชาติ ได้เดินทางมายื่นหนังสือ ผ่านตัวแทนนายกรัฐมนตรี ณ ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ 1111 ทำเนียบรัฐบาล เพื่อติดตามความคืบหน้า กรณีได้ยื่นเรื่องร้องเรียนพฤติกรรมส่อทุจริตของอธิบดีกรมๆหนึ่งในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ฯ พร้อมได้นำพยานหลักฐานมายื่นเพิ่มเติมให้กับศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ 1111 ทำเนียบฯรัฐบาล เพื่อที่จะได้ดำเนินคดีกับ อธิบดีคนดังกล่าว
สืบเนื่องมาจากตนเองได้เคยร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับอธิบดีคนดังกล่าว ต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ปปช. และกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติกรณีที่ อธิบดีกรมหนึ่ง ในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ส่อทุจริตในกรมฯ รวมถึงได้สั่งการด้วยวาจาให้ผู้อื่นนำรถยนต์ของทางราชการไปใช้ในการส่วนตัว อันเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยมิชอบด้วยกฏหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น และทำให้แผ่นดินได้รับความเสียหายอันเป็นความผิดข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้น การปฎิบัติหน้าที่โดยไม่สุจริตอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157
ดังนั้นในวันนี้นายพชร จึงมาติดตามความคืบหน้าในเรื่องร้องเรียนดังกล่าว ขณะเดียวกันก็มาร้องขอความเป็นธรรม ให้นายกรัฐมนตรีช่วยดูแลและปกปิดข้อมูลของตนเองไว้เป็นความลับ เนื่องจากตนเองได้ถูกข่มขู่ ภายหลังที่ได้มีการเปิดเผยข้อมูลการทุจริต ซึ่งส่วนตัวรู้สึกไม่ปลอดภัยทั้งๆที่ทำไปด้วยความบริสุทธิ์ใจและหวังดีต่อประเทศ และในฐานะที่ตนเองเห็นว่า นายกรัฐมนตรีจริงจังในการลงโทษข้าราชการที่กระทำผิด จึงขอวอนให้นายกรัฐมนตรีคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของตนเอง
นายพชร ยังเปิดเผยว่าล่าสุด ได้มีคำสั่งจากสำนักนายกฯรัฐมนตรีให้ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดำเนินการสั่งโยกย้ายอธิบดีคนดังกล่าวแล้ว และคาดว่าจะรายงานให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้รับทราบในการประชุม ครม.วันที่ 14 มีนาคมนี้