พิธีบวงสรวงพระเจ้าตากยิ่งใหญ่อัญเชิญประดิษฐาน ณ โฮลี่แลนด์ เลเจนด์สยาม พัทยา เหล่าคณาจารย์กว่า 50 ท่านร่วมพุทธาภิเษก
อาจารย์จุ้ย ตำหนักเซียน (นายวีระพงษ์ บริสุทธิ์สุขกมล) บรรณาธิการข่าวกีฬาบ้านเมือง อดีตบอร์ดบริษัทไม้อัดไทย ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายกองเอกชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์) อนุกรรมาธิการฝ่ายกฎหมายกีฬา คณะกรรมาธิการการกีฬา วุฒิสภา เป็นประธานพิธีบวงสรวงเทวาภิเษก อัญเขิญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช มาประดิษฐาน ณ โฮลี่แลนด์ ดินแดนพิธีมนตรา ที่เลเจนด์สยาม พัทยา
วันที่ 28 ธันวาคม 2567 นับเป็นวันสำคัญของประวัติศาสตร์ชาติไทย เนื่องจากเป็น คล้ายวันปราบดาภิเษก สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (วันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2310) พระมหากษัตริย์แห่งกรุงธนบุรีเพียงพระองค์เดียว
และใน พ.ศ. 2566 ครบ 256 ปี แห่งการสถาปนากรุงธนบุรี ร่วมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี พระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐต่ออาณาประชาราษฎร์และชาติบ้านเมืองเป็นอเนกประการ
ตำหนักเซียน 12 องค์เทพ พัทยา ได้อัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินฯ จาก วัดดอยข่อยเขาแก้ว (วัดพระเจ้าตากสินมหาราช) มาประดิษฐาน ณ หมู่บ้านโฮลี่แลนด์และทำการบวงสรวง เบิกเนตร โดยมี อ.หาริ เพชรลานน์ อ.จุ้ย ตำหนักเซียน อ.เหลิม ตำหนักเซียน และอ.ท๊อป ตำหนักเซียนรวมถึงอ.อาร์ม เป็นเจ้าพิธี และมีคณาจารย์กว่า 50 ท่าน ร่วมนั่งปกอฐิษฐานจิตในพิธี
วันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ตรงกับวันที่ 28 ธันวาคม วันนี้มีความสำคัญต่อภาคตะวันออก เพราะสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชในขณะดำรงตำแหน่งเป็นพระยาวชิรปราการ ได้รวบรวมไพร่พล 500 คน ตีฝ่าวงล้อมข้าศึกออกจากกรุงศรีอยุธยาก่อนเสียกรุง มาตามหัวเมืองภาคตะวันออก นครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ตั้งมั่นที่จันทบุรีเพื่อรวบรวมกำลังไปกอบกู้เอกราช หลังจากนั้นได้ปราบดาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์ในวันที่ 28 ธันวาคม
วันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2311 เป็นวันปราบดาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงพระนามว่า “สมเด็จพระบรมราชาที่ 4” ซึ่งประชาชนเรียกพระนามว่า “พระเจ้าตากสิน” และได้สถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ผู้กอบกู้เอกราชจากพม่าให้คืนมาแก่ประเทศไทย และเป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงธนบุรีเพียงพระองค์เดียว
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หรือ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ทรงมีพระนามเดิมว่า “สิน” (ชื่อจีนเรียกว่า “เซิ้นเซิ้นซิน) พระราชสมภพเมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2277 ตรงกับวันอาทิตย์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 ปีขาล บิดาเป็นชาวจีนแต้จิ๋ว ชื่อ “นายไหฮอง” มารดาเป็นหญิงไทยชื่อ”นางนกเอี้ยง” ในสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ (สมเด็จพระธรรมราชาธิราช ที่ 3) ซึ่งเจ้าพระยาจักรีได้ขอไปอุปการะเป็นบุตรบุญธรรมตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย
ต่อมาเมื่ออายุครบ 13 ปี เจ้าพระยาจักรีได้นำตัวเด็กชายสิน ไปถวายตัวเป็นมหาดเล็ก ในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ครั้น พ.ศ. 2301 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศเสด็จสวรรคต สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอุทุมพรเสด็จขึ้นครองราชย์ได้ 3 เดือนเศษ ก็ถวายราชสมบัติแก่สมเด็จพระเชษฐาธิราช “สมเด็จพระบรมราชาที่ 3” (สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์) สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ทรงโปรดเกล้าฯ ให้นายสินมหาดเล็กรายงาน เป็นข้าหลวงเชิญท้องตราพระราชสีห์ไปชำระความที่หัวเมืองฝ่ายเหนือซึ่งปฏิบัติราชการได้รับความดีความชอบมากจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นหลวงยกกระบัตร เมืองตาก ช่วยราชการพระยาตากครั้นพระยาตากถึงแก่กรรม ก็ทรงโปรดให้เลื่อนเป็น “พระยาตาก ปกครองเมืองตาก”
เมื่อปี พ.ศ. 2309 พม่ายกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา ในสมัยพระเจ้าเอกทัศ และได้เสียกรุงแก่พม่าเป็นครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2310 เหตุการณ์ในกรุงศรีอยุธยาขณะนั้นเกิดความระส่ำระสาย ทหารพม่าได้ล้อมกรุงศรีอยุธยาไว้ พระยาตากเห็นว่าคงสู้พม่าไม่ได้แล้ว จึงนำทหารจำนวนหนึ่งตีฝ่าวงล้อมพม่าออกมาทางหัวเมืองภาคตะวันออก จนเข้ายึดเมืองจันทบุรี โดยใช้ช้างพังคีรีกุญชรพังประตูเมือง เข้ายึดเมืองจันท์ได้สำเร็จ เมื่อวันอาทิตย์ เดือน 7 แรม 3 ค่ำ จุลศักราช 1129 ปีกุน นพศก เพลา 3 ยามเศษ ตรงกับวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2310 เวลาประมาณ 03.00 น. หลังจากเสียกรุงศรีอยุธยาแล้ว 2 เดือน และได้รวบรวมกำลังอยู่ที่เมืองจันทบุรี พระยาตากสามารถรวบรวมผู้คนกอบกู้กรุงศรีอยุธยากลับคืนมาจากพม่าได้ภายในเวลา 7 เดือน
หลังจากได้กอบกู้กรุงศรีอยุธยากลับคืนจากพม่าได้แล้ว พระองค์ทรงเห็นว่าทางกรุงศรีอยุธยาถูกพม่าเผาผลาญเสียหายมากและยากที่จะ ฟื้นฟูให้เจริญเหมือนเดิมได้ พระองค์จึงย้ายเมืองหลวงมาอยู่ที่กรุงธนบรี แล้วทรงปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ ทรงพระนามว่า “พระบรมราชาธิราชที่ 4” ต่อจากนั้นพระองค์ได้ยกกองทัพไปปราบปรามก๊กต่างๆ จนราบคาบ ทรงใช้เวลารวบรวมอาณาเขตอยู่ 3 ปี คือตั้งแต่ พ.ศ. 2311 – พ.ศ. 2313 จึงได้อาณาเขตกลับคืนมา รวมเป็นพระราชอาณาจักรเดียวกันดังเดิม
สมเด็จพระเจ้าตากสิน เสด็จสวรรคตเมื่อ พ.ศ. 2325 สิริพระชนมายุได้ 48 พรรษา ทรงครองราชย์เป็นเวลา 15 ปี นับว่าเป็นกษัตริย์พระองค์เดียวที่ปกครองกรุงธนบุรี พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถกอบกู้ประเทศ ชาติให้เป็นเอกราชอิสรภาพตราบเท่าทุกวันนี้ ประชาราษฎร์ผู้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ จึงยกย่องถวายพระเกียรติพระองค์ท่านว่า“มหาราช”
คณะรัฐมนตรีจึงประกาศให้วันที่ 28 ธันวาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันที่พระองค์ทรงปราบดาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์ เป็น “วันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช” และถวายพระราชสมัญญานามว่า “สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช” เพื่อยกย่องพระองค์เป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของชาติไทย ผู้กอบกู้เอกราชให้ชาติไทย
ในการอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชในครั้งนี้ ประสบความสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี เพราะความสมัครสมานสามัคคีของเหล่าครูบาอาจารย์ในโฮลี่แลนด์ และคณาอาจารย์ที่เดินทางมาร่วมทุกสารทิศจนทำให้งานออกมายิ่งใหญ่ในนามของประธานจัดงาน และฝั่งเจ้าภาพตำหนักเซียนขอกราบขอบพระคุณทักท่านมา ณ โอกาสนี้ และขอให้อำนาจองค์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จงประทานพรให้กับทุกท่านจงมีแต่ความสำเร็จ เสวยสุขด้วยลาภยศเงินทอง ความสุขเกษมปรีดา ความเจริญรุ่งเรืองด้วย ยศ อำนาจ โชคลาภ จงบังเกิดกับทุกท่านด้วยเทอญ