พระครูแจ้- บิณฑ์ มอบเงินช่วยเหลือ 17 ครอบครัวเหยื่อไฟไหม้บ้านย่านบางพลี ขณะที่กองพิสูจน์หลักฐานลงพื้นที่เก็บหลักฐานหาสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้
จากการณีมีเหตุเพลิงไหม้บ้านพักชั้นเดียวปลูกติดกันจำนวนหลายลีง ถูกเพิลงไหม้เสียหายไปเกือบทั้งชุม ทำให้ชาวบ้านที่บ้านถูกไฟไหม้ต้องไร่ที่ซุกหัวนอน ซึ่งทางด้านอบต.บางบางโฉลงๆ ตัดตั้งโต๊ะเพื่อรับลงทะเบียนแนวทางการให้ความช่วยเหลือและตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว ที่วัดบางโฉลงใน ความคืบหน้าล่าสุด ที่เกิดเหตุเพลิงไหม ทางด้าน พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ดร.บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมพิเศษมูลนิธิร่วมตกัญญู ท่านนายอำเภอบางพลี นายกอบต.บางโฉลง หัวหน้าสำงานป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยจังหวัดสมุทรปราการ เดินทางนำ ถุงยังชีพ และสิ่งของที่จำเป็น รวมถึงหม้อหุงข้าวและข้าวสารอาหารแห้ง มามอบให้กับ ตัวแทนครอบครัวที่บ้านพักถูกไฟไหม้ทั้งหมด 17 ครอบครัว
นอกจากนั้น ด้าน คุณบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ยังมอบเงินให้กับครอบครัวผู้ประสบภัย ครอบครัวละ 5,000 บาท พระครูแจ้ มอบสมทบเพิ่มอีก ครอบครัวละ 4,000 บาท ส่วนครอบครัวผู้เสียชีวิต ทางด้านคุณบิณฑ์ และพระครูแจ้ มอบเงินเพิ่มเป็น คนละ10,000 บาท ซึ่งสร้างรอยยิ้มและคราบน้ำตาแก่ผู้ประสบภัยเป็นอย่างมาก ด้าน คุณบิณฑ์ กล่าวว่า สำหรับการเดินทางมามอบสิ่งของจำเป็นในครั้งนี้ หลังจากที่ทราบข่าวไฟไหม้บ้านพักของผู้ประสบภัยทั้ง 17 ครอบครัว มูลนิธิร่วมกตัญญู โดย ท่านประธานมูลนิธิร่วมกตัญญู ท่าน ดร.รัตนา สมสกุลรุ่งเรือง ก็มีความห่วงใย มอบหมายให้ตนเองมาเป็นตัวแทนของมูลนิธิร่วมกตัญญู เข้ามาเยี่ยมและให้กำลังใจพร้อมมอบความช่วยเหลือเบื้องต้น ส่วนตนเองได้มอบเงินสดเพื่อสมทบทุนตั้งต้นชีวิต นำไปไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการสร้างบ้านพักต่อไป
ขณะที่ ช่วงสายวันเดียวกัน พ.ต.อ. ไพโรจน์ เพ็ชรพลอย ผกก.สภ.บางพลี พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ลงพื้นที่เก็บหลักฐานในจุดเกิดเหตุ โยเฉพาะบ้านหลังต้นเพลิง เพื่อหาสาเหตุของเพลิงไหม้ที่แท้จริง ซึ่งจะต้องรอผลการตรวจสอบและสรุปสาเหตุของกองพิสูจน์หลักฐานอีกครั้ง ด้าน นายขจิตเวช แก้วน้อย นายอำเภอบางพลี ได้กับไปยังอบต.บางโฉลง ให้จัดตั้งศูนย์ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มที่ พร้อมดูแลเรื่องการอยู่อาศัยชั่วคราว และเรื่องอาหารการกินทั้งสามมื้อเพื่อบรรเทาทุกข์ให้กับผู้ประสบภัยจนกว่าจะสามารถกลับมาสร้างบ้านพักและเข้าอยู่อาศัยได้ตามปกติสุข