เปิดสภา อบจ.ปากน้ำสมัยแรก สจ.ชนะ เสนอญัตติตั้งทีมเสียงข้างมากหนุนนโยบาย ขณะที่นายกฯ สุนทร-สจ.พรรคประชาชน ติงสภาไม่มีเสียงข้างมาก ทุกคนทำหน้าที่สภาของประชาชน

เมื่อเวลา 10.30 น. ของวันที่ 18 มีนาคม 2568 ที่ห้องประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ชั้น 4 นายสมควร ชูไสว ประธานสภาฯ ได้เรียกสมาชิก 36 เขต พร้อมผู้บริหาร อบจ. เปิดประชุมสภาสมัยสามัญสมัยแรก ครั้งที่ 1 ประจำปี 2568 ที่ประชุมมีคณะผู้บริหารนำโดย นายสุนทร ปานแสงทอง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด นายอัครวัฒน์ อัศวเหม นายต่อศักดิ์ อัศวเหม และนายวรพร อัศวเหม รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดฯ พร้อมด้วยสมาชิกเข้าร่วมประชุมครบ 36 เขต
โดยก่อนการประชุมสภา นายสมควร ชูไสว ประธานสภาฯ ได้แจ้งขอให้สื่อมวลชนที่เข้ามาทำหน้าที่สังเกตการณ์ทำข่าวรายงานการประชุมสภาฯ งดการบันทึกภาพวิดีโอหรือไลฟ์สด คงเพียงอนุญาตให้บันทึกภาพนิ่งได้เท่านั้น ทำให้สื่อมวลชนและประชาชนผู้เข้ารับฟังการแถลงนโยบายเกิดข้อกังขาถึงการทำงานของสภาฯ ในครั้งนี้ ส่วนบรรยากาศการประชุมสภาฯ ก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อย












โดยมีระเบียบวาระการประชุมจำนวน 5 เรื่อง โดยเฉพาะระเบียบวาระที่ 5 ซึ่งเป็นวาระสำคัญเกี่ยวกับการแถลงนโยบายของนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด
ทั้งนี้ นายสุนทร ได้แถลงนโยบาย 5 ด้านต่อสภา พร้อมชูคำมั่นการบริหารงานใน 4 ปี จะมุ่งมั่นพัฒนาจังหวัดฯ ให้ครบทุกมิติ โดยมีประชาชนและทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมเพื่อประโยชน์สูงสุด ประกอบด้วย
1.ด้านการพัฒนาเศรษฐกิจในทุกภาคส่วน โดยมุ่งเน้นส่งเสริมพัฒนาการท่องเที่ยว
2.ด้านระบบสวัสดิการและคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยสนับสนุนบูรณาการร่วมกับสถานพยาบาลในทุกระดับ
3.ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภค สาธารณูปการและการผังเมือง โดยประสานการทางพิเศษเปิดเส้นทางลัด ถนนสุขุมวิท ช่วงแบริ่ง-บิ๊กซี-ปู่เจ้าสมิงพราย ถนนศรีนครินทร์ แยกศรีเทพา-แยกลาซาล และถนนเทพารักษ์ แยกนิคมอุตสาหกรรมบางพลี ในการแก้ปัญหาการจราจร
4.ด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยการป้องกันน้ำทะเลหนุน โดยกำจัดมลพิษขยะฟื้นคลอง
5.ด้านการพัฒนาการเมือง การบริหารและการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนตามหลักธรรมาภิบาล เป็นต้น
หลังนายกฯ แถลงนโยบายเสร็จสิ้น ทางประธานสภาฯ ได้เปิดให้สมาชิกได้ตอบข้อซักถามและเสนอแนะ โดยมี นายชนะ หงวนงามศรี สมาชิกสภา อบจ. เขต 12 อำเภอเมือง ได้ยกมือขออภิปรายให้ประธานสภาวินิจฉัยในส่วนตนเอง ในฐานะเป็นผู้นำฝ่ายเสียงข้างมาก ประกอบมีข้อตกลงกับกลุ่มผู้นำเสียงข้างน้อย จะนำเสนอสมาชิกเสียงข้างมาก 5 คน ได้อภิปรายสนับสนุนการแถลงนโยบายคนละ 1 นาที โดยให้ทางประธานสภาพิจารณาให้ฝ่ายใดได้อภิปรายก่อนหลัง















แต่ปรากฏว่ามี นายสุนทร ปานแสงทอง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ได้ยกมืออภิปรายไม่เห็นด้วยตามแนวความคิดของ สจ.ชนะ เนื่องจากในที่ประชุมสภาฯ ไม่มีเสียงข้างมากหรือเสียงข้างน้อย โดยทุกคนได้มาทำหน้าที่สมาชิกในสภา หากสภามีเสียงข้างมากหรือเสียงข้างน้อย มันจะไม่ใช่เรื่องในส่วนของการบริหารงานองค์การบริหารส่วนจังหวัด ส่วนการบริหารงานองค์การบริหารส่วนจังหวัดฯ สมาชิกทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการพัฒนาจังหวัดฯ ในการรับรองการประชุม
ขณะที่ สจ.กลุ่มพรรคประชาชน เขต 4 อำเภอเมือง นายปฐมพร สังข์นาค ได้ยกมือขออภิปรายยืนยันในสภาฯ ว่าตนไม่ใช่ผู้นำเสียงข้างน้อย ตนเป็นเพียงสมาชิกในสภา ไม่ได้เป็นผู้นำฝ่ายค้านแบ่งฝักแบ่งฝ่ายแต่อย่างใด และอยากทำงานในสภาอย่างสร้างสรรค์ จึงขอให้ประธานสภาผ่านไปยัง สจ.ชนะได้ถอนคำพูดในการอภิปราย โดย สจ.ชนะก็ได้ยินยอมถอนคำพูดพร้อมขอโทษสภาฯ ที่ได้พูดพาดพิงให้เกิดความเข้าใจผิด
ทำให้บรรยากาศการประชุมสภาสมัยสามัญสมัยแรก เป็นไปด้วยความเรียบร้อย