
ในแต่ละวัน หลายคนอาจมองข้ามความสะอาดของอาหารที่รับประทาน ไม่ว่าจะเป็นอาหารจากร้านค้าแผงลอย อาหารสำเร็จรูป หรือแม้แต่การหยิบจับอาหารด้วยมือที่ไม่สะอาด ซึ่งอาจกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคโดยไม่รู้ตัว และหนึ่งในโรคที่มักเกิดขึ้นจากพฤติกรรมเหล่านี้คือ “โรคลำไส้อักเสบ” ที่ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินอาหาร และอาจรุนแรงในกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ
โรคลำไส้อักเสบคืออะไร?
โรคลำไส้อักเสบ (Enteritis) คือ ภาวะที่ลำไส้เกิดการอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือพยาธิ ซึ่งเข้าสู่ร่างกายผ่านอาหารและน้ำที่ไม่สะอาด รวมถึงพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ เช่น อาหารดิบ อาหารค้างคืน หรือการปรุงอาหารโดยไม่สะอาดเพียงพอ
สาเหตุที่พบบ่อย
•อาหาร/น้ำไม่สะอาด: เช่น น้ำไม่ต้มสุก อาหารที่ปนเปื้อนเชื้อซาลโมเนลลา, อีโคไล, หรือโรต้าไวรัส
•อาหารดิบหรือปรุงไม่สุก: เช่น เนื้อสัตว์ดิบ ไข่ไม่สุก อาหารทะเลที่ไม่ผ่านความร้อน
•การใช้ภาชนะหรือมือที่ไม่สะอาด: เช่น หั่นอาหารดิบและสุกด้วยเขียงเดียวกัน หรือไม่ล้างมือก่อนหยิบอาหาร
•ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ: กลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยเรื้อรัง
•การใช้ยาปฏิชีวนะต่อเนื่อง: ทำให้จุลินทรีย์ดีในลำไส้เสียสมดุล เพิ่มความเสี่ยงการติดเชื้อ
สัญญาณเตือนสำคัญ
หากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบพบแพทย์
•ถ่ายเหลวเป็นน้ำ หรือมีมูกเลือด
•ปวดท้อง ปวดเกร็งบริเวณช่องท้อง
•คลื่นไส้ อาเจียน
•มีไข้ หนาวสั่น
•ร่างกายอ่อนเพลีย ขาดน้ำ น้ำหนักลด
ป้องกันโรคลำไส้อักเสบอย่างไร?
•ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนรับประทานอาหารหรือหลังเข้าห้องน้ำ
•เลือกรับประทานอาหารปรุงสุกใหม่ หลีกเลี่ยงอาหารดิบหรือค้างคืน
•ดื่มน้ำสะอาด หรือใช้น้ำต้มสุก
•แยกภาชนะและอุปกรณ์ระหว่างอาหารดิบ-สุก
•พักผ่อนให้เพียงพอ และดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ
โรคลำไส้อักเสบเป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ หากเราระมัดระวังและใส่ใจในพฤติกรรมการบริโภคและสุขอนามัยอย่างถูกวิธี โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนหรือฤดูฝน ที่เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ดีเป็นพิเศษ
หากพบอาการผิดปกติที่น่าสงสัย ควรรีบพบแพทย์ที่โรงพยาบาล หรือสถานพยาบาลใกล้บ้าน เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้องและปลอดภัย
นพ.นิธิพันธ์ เกตุวรสุนทร
แพทย์อายุรกรรมทั่วไป แผนกอายุรกรรม โรงพยาบาลบางปะกอกสมุทรปราการ โทร. 0-2109-3222 ต่อ 10115-10116