ท้องถิ่น

ผู้ว่าฯสมุทรปราการ มอบหมายท้องถิ่นจังหวัดเปิดประชุมชี้แจ้งข้อกฎหมาย กรณีผู้บริหารงานท้องถิ่นเทศบาลเมืองบางแก้วต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่

%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%a7%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%af%e0%b8%aa%e0%b8%a1%e0%b8%b8%e0%b8%97%e0%b8%a3%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3-%e0%b8%a1%e0%b8%ad%e0%b8%9a%e0%b8%ab

ที่ห้องประชุมชั้น 3 เทศบาลเมืองบางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ได้มีหนังสือมอบหมายให้ นายเฉลิม ประสาททอง ท้องถิ่นจังหวัดสมุทรปราการ เป็นประธานการประชุมชี้แจงถึงกฎระเบียบข้อกฎหมาย กรณี ดร.ภัทรพล จำปารัตน์ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองบางแก้ว ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ผู้บริหารงานท้องถิ่น ตามมาตรา 93 ประกอบมาตรา 81 แห่งพระราชบัญญัติฯ การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2567

โดยการประชุมมี นายกริชชัย ศิลปรายะ ผู้ตรวจราชการกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น พร้อมทีมกฎหมาย นายสราวุธ เขมะสมบูรณ์ ปลัดอำเภอบางพลี นายกาญจนะ พงศ์จริยา ปลัดเทศบาลเมืองบางแก้ว ผู้บริหารงานท้องถิ่นและสมาชิกสภาเทศบาลเมืองบางแก้ว กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ผู้แทน กอ.รมน.จังหวัด และหัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วมประชุมกันอย่างพร้อมเพียง

โดยที่ประชุมทางประธานและทีมกฏหมายกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ชี้แจงถึงเหตุผลกฎระเบียบและข้อบังคับกฎหมาย กรณีผู้บริหารงานท้องถิ่นต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ว่า กรณีผู้บริหารงานท้องถิ่นถูกยื่นฟ้องต่อศาลคดีทุจริตและศาลประทับรับฟ้องไว้ โดยยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด บุคคลนั้นต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่ ในกรณีของผู้บริหารงานท้องถิ่น เรามีแนวปฏิบัติซักซ้อม โดยถือตามความเห็นคณะกรรมการกิฎีกา ซึ่งได้วางหลักเอาไว้ในเรื่องเสร็จที่ 1486/2565 ว่าด้วยการหยุดปฎิบัติหน้าที่ของนายกฯ เป็นการหยุดโดยผลของกฎหมาย หมายถึง เมื่อไรก็ตามที่ศาลประทับรับฟ้องท่านต้องหยุดปฎิบัติหน้าที่โดยทันที

ส่วนในกรณีนายกเทศมนตรีเมืองบางแก้ว คดีของท่านศาลได้ประทับรับฟ้องก่อนที่ท่านจะเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองบางแก้วในวาระปัจจุบัน คือศาลได้ประทับรับฟ้องก่อนวันเลือกตั้งคือวันที่ 16 มีนาคม 2568 ฉะนั้นการหยุดปฎิบัติหน้าที่ของท่านนายกฯ หยุดตั้งแต่วันที่ กกต.รับรอง ผลการเลือกตั้ง จึงถือว่าเป็นวันที่ท่านดำรงตำแหน่งเมื่อมีการประกาศผลการเลือกตั้งแล้ว การที่คณะกรรมการกฤษฏีกา ตีความในลักษณะนี้ กระทรวงมหาดไทยและกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จึงมีหนังสือซักซ้อมแจ้งแนวทางปฎิบัติให้ผู้บริหารงานท้องถิ่นยึดถือปฎิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี กรณีที่ท่านถูกดำเนินคดีอาญาท่านมีหน้าที่ต้องแจ้งการดำเนินคดีอาญาให้ผู้กำกับดูแลคือท่านผู้ว่าราชการจังหวัด หรือนายอำเภอทราบ รวมถึงท่านต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่ของท่านให้เป็นไปตามผลของกฎหมาย เพราะผลของกฎหมายบอกให้ท่านหยุด หากท่านไม่หยุดผู้ว่าฯอาจใช้อำนาจในการสอบสวนท่านเนื่องจากฝ่าฝืนความสงบเรียบร้อย นอกเหนือจากหน้งสือซักซ้อมตัวนี้แล้ว ล่าสุดทางกรมส่งเสริมฯยังมีหนังสือซักซ้อมฉบับปัจจุบันอีกส่วนหนึ่ง ในเรื่องของฐานการใช้อำนาจท่านนายก เนื่องจากท่านนายกฯท่านหยุดปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ท่านทราบผลการเลือกตั้งแล้ว ท่านจึงไม่สามารถที่จะแต่งตั้งรองนายกฯ และเลขานายกรวมถึงการแถลงนโยบายได้เช่นกัน

ขณะที่ทีมฝ่ายกฎหมาย ดร.ภัทรพล จำปารัตน์ นายกเทศมนตรีเมืองบางแก้ว ก็ได้มีหนังสือชี้แจงแจ้งข้อเท็จจริงไปทางจังหวัดฯ กรณีเกี่ยวกับการดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองบางแก้วว่า

ประเด็นที่ 1 กกต ตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครผ่านถูกต้อง ให้มีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองบางแก้ว 16 มีนาคม 68 และ วันที่ 8 เมษายน 68 กกต.ประกาศรับรองผลเลือกตั้ง ให้นายภัทรพล จําปารัตน์ เป็นนายกเทศมนตรีเมืองบางแก้ว ชอบด้วยกฎหมาย

ประเด็นที่ 2 นายภัทรพล จำปารัตน์ เป็นนายกเทศมนตรีเมืองบางแก้ว ต้องปฏิบัติตาม พรบ.ของเทศบาล พ ศ 2496 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติมถึงปัจจุบัน มาตรา 48 ปัญจทศ เมื่อกกต ประกาศรับรองผลแล้ว ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกเทศมนตรีสิ้นสุดหน้าที่ทันที มาตรา 48 เตรส นายกเทศมนตรีอาจแต่งตั้งรองนายกฯที่ปรึกษานายกฯ และเลขานุการนายกเทศมนตรีได้ มาตรา 48 ทศ ก่อนนายกเทศมนตรี เข้าบริหารงานต้องแถลงนโยบายต่อสภาเทศบาลโดยไม่มีการลงมติ เพื่อนำนโยบายหาเสียงไว้ นำไปสู่การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชนภายใต้กฎหมายของเทศบาลฯโดยชอบ

ประเด็นที่ 3 กรณีศาลอาญาทุจริตประพฤติมิชอบภาค ได้ประทับฟ้อง ตามมาตรา 93 วรรคสอง ประกอบมาตรา 81 พรบ.ปปช พ.ศ.2561 กำหนดว่าผู้ถูกฟ้อง ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าศาลพิพากษา เว้นศาลมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น (ขณะศาลประทับฟ้อง นายภัทรพลฯ มิได้อยู่ในตำแหน่งนายก อบต.บางแก้ว แต่อย่างใด) ศาลจึงไม่มีคําสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่

ประเด็นที่ 4 กรณีหนังสือแจ้งเวียนแนวทางปฏิบัติการหยุดปฏิบัติหน้าที่ฯจากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น อ้างถึงหนังสือหารือ สำนักงานกฤษฎีกา เรื่องเสร็จที่ 1486/2565 ซึ่งเป็นเรื่อง ในอดีตกรณี มีผู้บริหารท้องถิ่นต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ขณะอยู่ในตำแหน่ง ซึ่งศาลประทับฟ้อง แล้วหมดวาระลงไป ต่อมาผู้บริหารคนเดิม ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งอีกในวาระใหม่ติดต่อกัน และได้รับการเลือกตั้งกกต.ประกาศรับรองผลแล้ว แต่มีเหตุร้องเรียน จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ หรือไม่..ความเห็นของคณะกรรมการฯได้มีความเห็นแตกต่างกันเป็น 2 แนวทาง คือ
-ความคิดเห็นที่ 1 เห็นว่า ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพราะเป็นวาระที่ต่อเนื่องกันถึงจะชนะเลือกตั้งมาในวาระใหม่ก็ตาม และยังเป็นตำแหน่งเดิม เหตุผลเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายฯ
-ความคิดเห็นที่ 2 เห็นว่าไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพราะว่า การหยุดปฏิบัติหน้าที่ได้สิ้นสุดลงไปตามวาระก่อนแล้ว ต่อมาลงสมัครเลือกตั้งและได้รับเลือกตั้งอีกในวาระใหม่ตำแหน่งเดิม ก็ไม่จำเป็นต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพราะ เหตุการหยุดปฏิบัติหน้าที่ได้สิ้นสุดลง ไปในวาระก่อนแล้ว การดำรงตำแหน่งใหม่ในวาระใหม่ ก็ยังมิได้กระทำการผิดต่อระเบียบกฎหมาย ใดๆเลย จึงไม่จำเป็นต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่

ประเด็นที่ 5 ศาลปกครองกลางได้วินิจฉัยเรื่องเสร็จที่1486/2565 กรณีหนังสือซักซ้อมแนวทางปฏิบัติการหยุดปฏิบัติหน้าที่ผู้บริหารท้องถิ่น ของจังหวัด เป็นเพียงการให้ความเห็นทางกฎหมายแก่หน่วยงานของรัฐ ตามอำนาจหน้าที่ กับหน่วยงานของรัฐที่ขอความเห็นเท่านั้น มิได้มีผลออกสู่ภายนอกฝ่ายปกครองแต่อย่างใด ความเห็นของกฤษฎีกาดังกล่าว จึงมิใช่คำสั่งทางปกครอง ตามมาตตรา 5 พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ ศ 2539

สรุป ทางตัวแทนผู้ว่าราชการจังหวัดก็ให้ดร.ภัทรพล ไปฟ้องต่อศาลเพื่อให้สามารถเข้ามาปฏิบัติหน้าที่นายกได้ แต่ปัจจุบันก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายก ตามที่ได้ชี้แจงข้อกฏหมายไปแล้วข้างต้น

0 Comments
Share

Admin

Reply your comment

Your email address will not be published. Required fields are marked*