จากกรณี บริษัท วี.ไอ.พี ปิโตรเลียม จำกัด เลขที่ 30/100 ซอยวัดบัวโรย ถ.บางนา-ตราดขาออก ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ ซึ่งเปิดเป็นโรงบรรจุก๊าซหุงต้มเกิดระเบิดจนเพลิงลุกไหม้ลวกคนงานบาดเจ็บ 5 คน เมื่อเวลา 00.24 วันที่ 30 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา
ล่าสุดช่วงสายวันเดียวกัน ได้มีเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ ทั้งฝ่ายปกครอง อุตสาหกรรมจังหวัด ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด พลังงานจังหวัด กรมสวัสดิการและสังคม สาธารณสุขอำเภอ และเจ้าหน้าที่บริษัท ปตท.เข้าร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบเป็นโรงงานบรรจุก๊าซหุ้งต้มสำครับครัวเรือน สภาพรวมถูกเพลิงเผาไหม้เสียหาย มีทั้งรถยนต์กระบะ รถจักยานยนต์ และทรัพย์สินอื่น ๆ โดยมีถังก๊าซจำนวนมากวางล้มกระจายเกลื่อนในตัวโรงงาน
จากการตรวจสอบ พบว่าโรงบรรจุก๊าซหุงต้มแห่งนี้ มีใบขออนุญาตประกอบกิจการถูกต้อง ตั้งอยู่ในพื้นที่สีม่วง ที่สามารถจัดตั้งโรงงานได้ โดยปฏิบัติตามกฎกระทรวงพลังงาน มีการทดสอบต่ออายุใบอนุญาตประกอบกิจการควบคุมประเภทที่ 3 เช่น อุปกรณ์เซฟตี้ แนวท่อของไลน์บรรจุทุกปี ร่วมถึงแผนปฏิบัติซ้อมแผนการป้องกันอัคคีภัยเป็นประจำ
เบื้องต้น นายพิมล จุ้ยมณี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 11 ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง ได้รับแจ้งมีบ้านเรือนของชาวบ้าน และอพาร์ตเม้นท์ ที่อยู่ในรัศมี 40-50 เมตร ได้รับความเสียหาย 7 หลังคาเรือน ส่วนใหญ่กระจกแตก และผนังอาคารร้าว แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
ส่วนสาเหตุเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานจังหวัดสมุทรปราการ ได้เข้าตรวจสอบและเก็บหลักฐานเอาไว้แล้ว ส่วนต้นเหตุมีรายงานแจ้งว่าน่าจะเกิดจากสายส่งก๊าซ ที่โหลดลงถัง เกิดการรั่ว น่าจะทำให้ก๊าซสะสม จนเกิดการระเบิดขึ้น แต่อย่างไรก็ดี จะต้องรอการตรวจสอบหาสาเหตุที่แน่ชัดอีกครั้ง
ด้าน นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ได้แสดงความห่วงใยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมสั่งการให้กระทรวงแรงงานเร่งดำเนินการตรวจสอบช่วยเหลือลูกจ้างทันที
“เบื้องต้นพบว่า มีใบประกอบกิจการโรงบรรจุแก๊สหุงต้ม มีลูกจ้างทั้งหมด 30 คน ขณะที่ลูกจ้างกำลังพักผ่อนอยู่ภายในห้องพักคนงานในบริษัท เกิดเหตุระเบิดดังขึ้นภายในโรงงาน จึงพากันวิ่งหนีฝ่าวงล้อมเพลิงออกมาจนได้รับบาดเจ็บไฟคลอกอาการสาหัส 5 ราย เจ้าหน้าที่ดับเพลิง ต.บางเสาธงและพื้นที่ใกล้เคียงใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จึงควบคุมเพลิงได้และปิดวาล์วถังก๊าซได้ทุกจุด โดยลูกจ้างที่ได้รับบาดเจ็บถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้คณะทำงานเฉพาะกิจตรวจสอบอุบัติเหตุ อุบัติภัย หรือการประสบอันตรายจากการทำงาน กรณีร้ายแรง พร้อมด้วยหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน เข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุเพิ่มเติม รวมทั้งให้ความช่วยเหลือลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากเหตุดังกล่าว ประสานดูแลรักษาพยาบาลลูกจ้างที่ได้รับบาดเจ็บ ให้ได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายต่อไป”
ขณะที่ นางสาวปรียานันท์ ลิขิตศานต์ ผู้ตรวจราชการกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ในฐานะคณะทำงานทีมเฉพาะกิจตรวจสอบอุบัติเหตุ อุบัติภัย หรือการประสบอันตรายจากการทำงาน กรณีร้ายแรง กล่าวว่า คณะทำงานเฉพาะกิจ และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุและเข้าเยี่ยมให้กำลังใจลูกจ้างที่ได้รับบาดเจ็บ จากรายงานของสำนักงานประกันสังคมจังหวัดสมุทรปราการ ได้ตรวจสอบสิทธิกองทุนประกันสังคม และกองทุนเงินทดแทนของลูกจ้างที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 5 ราย แบ่งเป็นลูกจ้างสัญชาติไทย 2 ราย และสัญชาติเมียนมา 3 ราย เบื้องต้นจะได้รับสิทธิรักษาพยาบาลและเงินทดแทนจากสำนักงานประกันสังคมด้วย ในส่วนของสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้นั้น กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจะเชิญนายจ้างและผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ในวันที่ 5 กันยายนนี้ พร้อมทั้งตรวจสอบว่านายจ้างได้ปฏิบัติอย่างถูกต้องตามกฎหมายความปลอดภัยในการทำงาน กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการ ด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับการป้องกันและระงับอัคคีภัย พ.ศ. 2555 หรือไม่ ทั้งนี้ ขอความร่วมมือนายจ้าง และลูกจ้างปฏิบัติตามพระราชบัญญัติ ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทํางาน พ.ศ. 2554 และกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการ ด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับการป้องกันและระงับอัคคีภัย พ.ศ. 2555 อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันความสูญเสียที่จะเกิดจากอุบัติเหตุหรืออุบัติภัยจากการทำงาน