“ปอปอ” พิยดา พีรมธุกร นักกีฬายิมนาสติกหนึ่งเดียวของไทยมุ่งหน้าล่าฝัน ในรายการชิงแชมป์โลก ปะทะสุดยอดนักยิมที่เก่งที่สุดอีกหลายสิบประเทศ “ครูไก่” ยอมรับตกเป็นรอง พร้อมกับตอกย้ำหมดยุคแล้วกับคำว่า แข่งเพื่อหาประสบการณ์ ครั้งนี้หวังสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย อย่างน้อยให้นักยิมทุกชาติรู้จัก ”ไทยแลนด์” ดียิ่งขึ้น
หลังจากที่ น.ส.พิยดา พีรมธุกร นักกีฬายิมนาสติกลีลา 1 เดียวของไทย วัย 18 ปี สร้างผลงานเป็นที่น่าพอใจ ด้วยการทำคะแนนผ่านเกณฑ์ในการแข่งขันยิมนาสติกลีลา ชิงแชมป์เอเชีย ได้สิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันยิมนาสติกลีลาชิงแชมป์โลก ระหว่างวันที่ 14-18 กันยายน 2565 ณ ประเทศบัลแกเรีย โดยล่าสุด ได้เดินทางมุ่งหน้าสู่ประเทศบัลแกเรีย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมี “ครูไก่” ดร.กุสุมาลย์ ประเสริฐศรี และ “ครูบาส” น.ส.ปิยรัตน์ ธนะพัฒน์ ควบคุมในฐานะผู้จัดการทีม และ ผู้ฝึกสอน นอกจากนี้ได้มี นายณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้ให้โอวาท และมอบพ็อกเก็ตมั่นนี่ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจก่อนเดินทางไปแข่งขันอีกด้วย
“ปอปอ” น.ส.พิยดา พีรมธุกร เปิดเผยว่า “การเดินทางไปแข่งขันชิงแชมป์โลกครั้งนี้ แตกต่างกว่าทุกครั้ง เนื่องจาก การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ หรือ ชิงแชมป์เอเชีย ยังเชื่อมั่นใจตัวเองว่าสู้ได้ทุกชาติ แต่กับการแข่งขันชิงแชมป์โลก เจอกับคนเก่ง ๆ จากทุกประเทศทั้งในเอเชีย และ ยุโรป ยอมรับว่าตื่นเต้นแต่ไม่รู้สึกกดดัน พร้อมกับตั้งใจทำให้ดีที่สุด”
ขณะเดียวกัน “ครูไก่” ดร.กุสุมาลย์ ประเสริฐศรี อุปนายกสมาคมกีฬายิมนาสติกแห่งประเทศไทย ในฐานะผู้จัดการทีม กล่าวว่า การแข่งขันชิงแชมป์โลกที่ผ่านมาใครก็ส่งได้ แต่ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2564 เป็นต้นมา ทุกคนจะต้องผ่านรอบคัดเลือกจากรายการชิงแชมป์เอเชีย ของเราโชคดีที่ “ปอปอ” ทำคะแนนอยู่ในเกณฑ์จึงได้เข้ารอบเพียง 1 เดียว ซึ่งในเอเชีย 45 ประเทศ มีเข้ารอบสุดท้ายอยู่ไม่ถึง 30 คน ส่วนใหญ่ก็เป็น จีน, ญี่ปุ่น, อุซเบกิสถาน, คาซัคสถาน ฯลฯ ที่เหลือก็เป็นนักกีฬาจากยูโรป เจอเบอร์ต้น ๆ ของโอลิมปิก ทั้งสิ้น การที่เราเข้ารอบมาได้ถือว่าเก่งมากแล้ว ส่วนการเดินทางมาแข่งขันครั้งนี้ หากบอกว่ามาเพื่อสะสมประสบการณ์ ส่วนตัวมองว่าหมดยุคแล้ว หากมาเพื่อหาประสบการณ์เพื่อสิ้นเปลืองงบประมาณอย่ามาดีกว่า ดังนั้นเมื่อได้สิทธิ์มาแข่งขันชิงแชมป์โลกแล้วถือว่ายิ่งใหญ่มาก จึงขอบอกว่าเรามาเพื่อหวังผล เนื่องจาก อุปกรณ์ ห่วง , บอล, คฑา, ริบบิ้น ที่ผ่านมา “ปอปอ” ซ้อมได้ดีมาก อยู่ที่โอกาส และ จังหวะ หากเราไม่ตื่นเต้นจนเกินไป เชื่อว่าได้สามารถสร้างความประทับใจ หรือ อย่างน้อยทำให้ทุกชาติจดจำคำว่า “ไทยแลนด์” อย่างแน่นอน