ทันข่าว

บก.นสพ.คู่แผ่นดิน สุดทน ทวงคืนศักดิ์ศรีสื่อ ชี้แจงข้อเท็จจริง ลั่นอย่าเขียนข่าวโคมลอย

%e0%b8%9a%e0%b8%81-%e0%b8%99%e0%b8%aa%e0%b8%9e-%e0%b8%84%e0%b8%b9%e0%b9%88%e0%b9%81%e0%b8%9c%e0%b9%88%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b8%b4%e0%b8%99-%e0%b8%aa%e0%b8%b8%e0%b8%94%e0%b8%97%e0%b8%99-%e0%b8%97

บก.นสพ.คู่แผ่นดิน สุดทน ทวงคืนศักดิ์ศรีสื่อ หอบเอกสารบุกสถาบันอิศรา ชี้แจงข้อเท็จจริง
ลั่นอย่าเขียนข่าวโคมลอย ควรลงข่าวข้อมูลจริง สอนมวยหากต้องการข้อมูลจริงต้องลงพื้นที่หน่อย

วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม 2565 เวลา 09.00 น. นายกิตติศักดิ์ ศิริคลังเจริญรุ่ง (ต้น คู่แผ่นดิน) หอบเอกสารชี้แจงสถาบันอิศรา กรณีที่สถาบันอิศรา ลงข่าวเมื่อวันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม 2565 ข้อความว่า “โชว์แชทไลน์ ! แฉสื่อท้องถิ่นอุดรฯ แอบอ้างชื่อ ปธ.ป.ป.ช. ขู่เรียกเงิน จนท.รัฐ 3 แสน” เพจ “ชมรม STRONG ต้านทุจริตแห่งประเทศไทย” โชว์ข้อความแชทไลน์ แฉสื่อท้องถิ่น จ.อุดรธานี อ้างชื่อ ปธ.ป.ป.ช. ขู่กรรโชกหน่วยงานรัฐขอค่าโฆษณา 3 แสนบาท รอตรวจสอบข้อเท็จจริง

สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ต.ค. 2565 เพจ “ชมรม STRONG ต้านทุจริตแห่งประเทศไทย” ได้เผยแพร่ กรณีที่เจ้าของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับหนึ่งในจังหวัดอุดรธานี อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ปราบปรามการทุจริต สำนักงาน ป.ป.ช. แสดงพฤติกรรมขู่กรรโชกทรัพย์ จากเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่งจำนวน 300,000 บาท เพื่อเป็นค่าโฆษณาหนังสือพิมพ์ที่ตนเป็นบรรณาธิการอยู่ แลกกับการไม่นำเสนอข่าวขุดคุ้ยความไม่ปกติของโครงสร้าง และยังมีการกล่าวอ้างว่าตนมีความสนิทสนมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ระดับสูงทั้งในระดับภาคและจังหวัดที่สามารถสั่งการได้เพราะได้รับการแต่งตั้งมาจาก พล.ต.อ. วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช.
เพจ “ชมรม STRONG ต้านทุจริตแห่งประเทศไทย” ยังระบุด้วยว่า จากการตรวจสอบกรณีนี้ พบว่าก่อนหน้านี้ทางบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นดังกล่าว ได้มีการส่งหนังสือไปยังหน่วยงานรัฐเพื่อขอข้อมูล และเอกสารการดำเนินการโครงการ ตาม พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารฯ และได้มีหนังสือร้องเรียนถึงพฤติกรรม ไม่นำไปเผยแพร่ให้ประโยชน์แก่ทางราชการ แต่กลับนำไปเผยแพร่ในลักษณะว่ามีการฮั้วงานทำให้หน่วยงานเสียหาย “เรื่องนี้ยังต้องรอการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากทางสำนักงาน ป.ป.ช. ต่อไป” เพจ “ชมรม STRONG ต้านทุจริตแห่งประเทศไทย” ระบุ

จากข่าวดังกล่าวที่สถาบันอิศรานำมาเสนอในเว็บไซต์นั้น ผู้สื่อข่าวสถาบันอิศรากล่าวว่า ได้คัดลอกข่าวดังกล่าวมาจากเพจ ”ชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย” ที่โพสต์ข่าว เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2565 บรรณาธิการหนังสือพิมพ์คู่แผ่นดินจึงเข้าตรวจสอบที่เพจ “ชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย” พบว่าข่าวที่ “ชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย” ได้นำมาลงข่าวนั้น เป็นข่าวเก่าที่เพจ “ชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย” ได้ลงข่าวไว้เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2564 ซึ่งบรรณาธิการหนังสือพิมพ์คู่แผ่นดิน ได้เดินหน้าแจ้งความดำเนินคดีกับแอดมินเพจ “ชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย” และอีกหลายเพจที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ซึ่งคดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของคดี สภ.เมืองอุดรธานี และพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.)

ถึงการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการล่าช้า แต่บรรณาธิการหนังสือพิมพ์คู่แผ่นดิน ก็ยังคงติดตามกับเจ้าพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีอยู่ตลอด มานำเสนอข่าวความคืบหน้าเป็นระยะ และในข่าวดังกล่าวมีประชาชนที่กดไลน์กดแชร์จำนวนมาก ซึ่งบรรณาธิการหนังสือพิมพ์คู่แผ่นดินก็ได้ยื่นฟ้องลูกเพจ “ชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย” หลายสิบคดี เพื่อกลั่นกรองว่าเครือข่ายแอดมินเพจ “ชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย” มีใครบ้าง ประมาณ 7 เดือน ที่บรรณาธิการหนังสือพิมพ์คู่แผ่นดินต่อสู้กับอิทธิพลมืด เดินหน้าแจ้งความดำเนินคดี พร้อมยื่นฟ้องลูกเพจดังกล่าว ต่อมาแอดมินเพจ “ชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย” จึงได้ลบข่าวดังกล่าวออกจากเพจ

และกว่า 15 เดือน ที่ผ่านมาบรรณาธิการหนังสือพิมพ์คู่แผ่นดิน ต่อสู้กับอิทธิพลมืด ต่อสู้กับข่าวปลอม และติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้อง พบว่ามีบุคคลที่อ้างตนเองเป็นสื่อมวลชน ทั้งที่ไม่มีเว็บไซต์ข่าว และไม่เคยจัดพิมพ์หนังสือพิมพ์หรือจัดพิมพ์เพียงปีละ 1-2 ฉบับ เพื่อหาคอลัมน์ถวายพระพร อ้างตัวเองเป็นประธานเครือข่ายองค์กรปราบปรามทุจริตต่างๆ ทั้งที่ไม่ได้จดแจ้งหรือ รับรองจากหน่วยงานราชการ อ้างตนเองเป็นเครือข่ายสตรอง หรือเครือข่าย ป.ป.ช. แต่งกายให้น่าเกรงขามเพื่อให้ประชาชนทั่วไป รวมทั้งผู้ประกอบการและหน่วยงานราชการเชื่อว่าเป็นหน่วยงานที่เข้ามาตรวจสอบ แท้ที่จริงเป็นโจรแอบแฝงมาในคราบเครือข่ายหน่วยงานต่างๆ โดยบุคคลกลุ่มดังกล่าวไม่มีอาชีพที่สามารถก่อให้เกิดรายได้ และในการเข้าตรวจสอบโครงการก่อสร้างต่างๆ ของรัฐ ทั่วประเทศนั้นต้องมีค่าใช้จ่ายโดยเป็นเงินค่าใช้จ่ายส่วนตัว ทั้งค่าน้ำมัน ค่าอาหาร ค่าที่พัก ต้องใช้ทรัพย์สินส่วนตัว กลุ่มบุคคลพวกนี้ได้เงินจากที่ใดมาเป็นค่าใช้จ่าย ก็คงเดินหน้านำเสนอข่าวหรือไลน์สดแฉพฤติกรรมทุจริตกลโกงของหน่วยงานราชการต่างๆ เพื่อให้เกิดความกลัว แล้วย้อนกลับไปเรียกรับเงินจากผู้ประกอบการ และหน่วยงานราชการต่างๆ ภายหลัง กลุ่มบุคคลจำนวน 5-6 คนที่บรรณาธิการพร้อมเครือข่ายผู้สื่อข่าวได้คอยเฝ้าระวังติดตามความเคลื่อนไหวอยู่นั้นอาจเป็นแอดมินเพจ “ชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย” และเพจอวตารที่เกี่ยวข้องเข้ามาแอบแฝงอยู่

ข่าวที่เพจ “ชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย” ลงข่าวเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2565 ก็เป็นข่าวเก่าที่นำกลับมาลงซ้ำใหม่ ต่างกันแค่เพียงรูปพาดหัวข่าวที่นำมาลงใหม่นั้น ไม่ใส่ภาพถ่ายบรรณาธิการหนังสือพิมพ์คู่แผ่นดิน แต่ก็ยังคงภาพด้านหลังไว้เช่นเดิม คงมีเพียงเจตนาดิสเครดิต ให้ร้าย ใส่ความ บรรณาธิการหนังสือพิมพ์คู่แผ่นดิน ในห้วงที่หนังสือพิมพ์ คู่แผ่นดิน จัดงาน ครบรอบ 12 ปี และเนื่องจากเกรงกลัวบรรณาธิการหนังสือพิมพ์คู่แผ่นดิน ไล่แจ้งความและไล่ฟ้องจึงได้เลี่ยงภาษาบาลีเยี่ยงศรีธนญชัย

หากประชาชน ผู้ประกอบการ หรือหน่วยงานราชการใด พบเห็นกลุ่มบุคคลในลักษณะเช่นนี้ หรือมีพฤติกรรมดังกล่าว หรือมีข้อมูลการเรียกรับเงินแจ้งเข้ามาได้ที่ inbox เฟสบุ๊คหนังสือพิมพ์คู่แผ่นดิน เฟสบุ๊ค ต้น คู่แผ่นดิน เว็บไซต์ เพจข่าว ยูทูป หนังสือพิมพ์คู่แผ่นดิน ได้ อย่าปล่อยให้บุคคลที่มีภัยต่อสังคมส่วนรวมทำความผิดซ้ำซากจนกลายเป็นความเคยชิน

นายกิตติศักดิ์ ศิริคลังเจริญรุ่ง (ต้น คู่แผ่นดิน) กล่าวว่า ฝากถึงหน่วยงานราชการพยายามอย่าทำผิดกฎหมาย ให้ดำเนินการโครงการก่อสร้างให้โปร่งใส ถูกต้องตามระเบียบ และไม่ควรบุกรุกที่สาธารณะ ที่ป่าไม้ ฯลฯ โดยไม่ขออนุญาต ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้กลุ่มมิจฉาชีพแอบแฝงเข้ามากรรโชกทรัพย์เรียกรับผลประโยชน์ แลกกับการไม่ติดตามเปิดโปงการดำเนินโครงการต่างๆ วอนประชาชน ผู้ประกอบการ ข้าราชการ อย่าทำผิดและอย่าเห็นผู้กระทำผิดจนกลายเป็นความเคยชินให้แจ้งข่าวแจ้งความดำเนินคดีกับผู้แอบแฝงสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นให้หมดไปจากแผ่นดินดีกว่า หากหน่วยงานราชการไม่ได้กระทำความผิด กลุ่มที่แอบแฝงเรียกรับเงินก็ไม่สามารถเรียกรับผลประโยชน์ได้ และที่สำคัญหน่วยงานเจ้าหน้าที่บ้านเมืองหลายๆ ท่าน รวมถึงเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.อีกหลายท่านก็ทราบพฤติกรรมดังกล่าวของบุคคลกลุ่มนี้แต่ก็ยังไม่มีการดำเนินการปราบปรามขั้นเด็ดขาด

หนังสือพิมพ์คู่แผ่นดิน ขออยู่เคียงข้างความถูกต้องต่อสู้กับอิทธิพลมืด และเป็นหน่วยงานที่มีตัวตนจริงสามารถติดต่อสอบถามความจริงหรือแจ้งข่าวร้องทุกข์ร้องเรียนได้ พร้อมนำเสนอทุกข่าวตามความจริง พร้อมรับผิดชอบทุกการกระทำ พร้อมรับผิดชอบทุกข่าวที่นำเสนอ ตอบสังคมได้ทุกเรื่อง ไม่เงียบหาย ไม่หลบหนี เว็บไซต์หนังสือพิมพ์คู่แผ่นดินลงข่าวทุกวัน หนังสือพิมพ์คู่แผ่นดินจัดพิมพ์หนังสือพิมพ์ทุกเดือน มีหนังสือพิมพ์ย้อนหลังทุกเดือน ส่วนคดีความและข่าวปลอมดังกล่าวจะได้ติดตามเพื่อนำเสนอความคืบหน้าให้ทราบทางเว็บไซต์ เพจข่าว ยูทูป และทางหน้าหนังสือพิมพ์คู่แผ่นดิน ต่อไป

0 Comments
Share

Admin

Reply your comment

Your email address will not be published. Required fields are marked*