ไข้หวัดใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสทางเดินหายใจเฉียบพลัน หรือเชื้อไข้หวัดใหญ่ Influenza ซึ่งเชื้อไข้หวัดใหญ่จะมีหลากหลายสายพันธุ์ แต่สายพันธุ์ที่พบได้บ่อยและเป็นสาเหตุของการระบาดจะพบได้ทั้งหมด 4 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์ A 2 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ A/H1N1 , สายพันธุ์ A/H3N2 และสายพันธุ์ B ตระกูล Victoria , สายพันธุ์ B ตระกูล Yamagata
โรคไข้หวัดใหญ่สามารถติดต่อกันได้ผ่านทางลมหายใจโดยการไอ จาม ในสถานที่ที่คนแออัด เช่น โรงเรียน โรงงาน และสามารถติดต่อผ่านทางละอองฝอยสารคัดหลั่งต่างๆ ของน้ำมูก น้ำลาย ที่ปนเปื้อนอยู่ในสิ่งแวดล้อม และมือของเราไปสัมผัสโดนและปนเปื้อนเข้ามาทางตา หู และปากของเรา จนทำให้เกิดการติดต่อได้ อาการของโรคไข้หวัดใหญ่ จะมีอาการไข้สูง หนาว อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ไอ จาม น้ำมูกไหล ปวดกล้ามเนื้อโดยเฉพาะกล้ามเนื้อหลัง ต้นแขน และต้นขา ในบางรายอาจมีอาการของระบบทางเดินอาหารร่วมด้วย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง
ในผู้ป่วยที่เป็นโรคไข้หวัดใหญ่ที่ไม่มีอาการรุนแรงสามารถหายเองได้ และดูแลรักษาตัวเองอยู่ที่บ้านได้โดยรับประทานยาตามอาการ สำหรับปัจจุบันมียาที่ใช้รักษาโรคไข้หวัดใหญ่ คือยา Oseltamivir หรือ ยา Tamiflu หากผู้ป่วยได้รับยาภายใน 2 วันแรก จะช่วยลดระยะเวลาการเป็นโรคและป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้
การป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ คือการที่ควรทำให้ร่างกายของเราแข็งแรงสมบูรณ์อยู่เสมอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ และการป้องกันที่ดีที่สุดคือการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกปีปีละครั้ง โดยสามารถฉีดได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไป สำหรับเด็กที่เคยรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ครั้งแรกจะต้องฉีด 2 เข็ม ระยะเวลาห่างกัน 1 เดือน หลังฉีดวัคซีน 2 สัปดาห์ ภูมิคุ้มกันจะขึ้นสูงเพียงพอที่ป้องกันโรคได้และภูมิคุ้มกันจะอยู่ได้นานถึง 1 ปี เพราะการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สามารถช่วยปกป้องคนที่คุณรักและตัวคุณเองได้
พญ. ปิติพันธุ์ จูศิริวงศ์
แพทย์ชำนาญการด้านกุมารเวชกรรม
แผนกกุมารเวช โทร.0-2109-3222 ต่อ 10215-10216