พ่อค้าแม่ค้าแพงลอยหน้าหมู่บ้านมหาวงศ์ เข้ายื่นหนังสือผู้ว่าฯ หลังเจ้าเทศกิจเทศบาลเมืองปู่เจ้าสมิงพรายขับไล่ ตามคำสั่งของศาลปกครอง
พ่อค้าแม่ค้าแพงลอยหน้าหมู่บ้านมหาวงศ์ เข้ายื่นหนังสือผู้ว่าฯ สมุทรปราการ ขอให้ช่วยเหลือหลังวางของขายหน้าหมู่บ้านมานานเกือบ 50 ปี แต่ถูกเจ้าเทศกิจเทศบาลเมืองปู่เจ้าสมิงพรายขับไล่ ตามคำสั่งของศาลปกครอง ที่ทำให้ผู้อาศัยในหมู่บ้านเดือดร้อน
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 26 ตุลาคม 2566 ที่หน้าศาลากลางจังหวัดสมุทรปราการ ได้มีกลุ่มตัวแทนพ่อค้า-แม่ค้าแพงลอย บริเวณหน้าหมู่บ้านมหาวงศ์ ถ.ซอยวัดมหาวงศ์ ต.สำโรง อ.พระประแดง ประมาณ 60 ราย เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ นายศุภมิตร ชิณศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อขอให้ทางจังหวัดได้ช่วยเหลือในการผ่อนผันให้กับกลุ่มผู้ค้าแพงลอยได้นำสิ่งของมาวางขายดังเดิม หลังจากในช่วงเช้ามืดวันเดียวกันกลุ่มพ่อค้า-แม่ค้าแพงลอยดังกล่าว ขณะเตรียมตัวที่จะวางของขาย ได้ถูกเจ้าหน้าที่เทศกิจเทศบาลเมืองปู่เจ้าสมิงพราย ได้มาขับไล่พร้อมสั่งห้ามไม่ให้กลุ่มพ่อค้าแม่ค้านำสิ่งของมาวางขาย หากฝากฝืนจะถูกจับดำเนินคดีเปรียบเทียบปรับ ทำให้กลุ่มผู้ค้าได้รับความเดือดร้อน จึงได้นัดรวมตัวพร้อมล่ารายชื่อนำปัญหาความเดือดร้อนเข้ายื่นหนังสื่อต่อผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อขอความช่วยเหลือในการผ่อนผันที่ทำกิน
โดยทางผู้ว่าราชการจังหวัดได้ติดภารกิจราชการ ได้มี นายสุพจต์ ภูติเกียรติขจร รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ พร้อม นายชนินทร์ กาญจนสุชา หัวหน้าสำนักงานจังหวัดฯ ได้เดินทางออกมารับหนังสือ พร้อมประสานให้กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าได้ส่งตัวแทนจำนวน 10 คน เข้าหารือในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนร่วมกันที่ห้องไกล่เกลี่ย ที่ทางจังหวัดได้จัดเตรียมไว้ โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาทีจึงเสร็จ
โดยมี นายเกษม ถาวรนุวงศ์ ประธานหมู่บ้านสวนมหาวงศ์ ในฐานะตัวแทนพ่อค้าแม่ค้าผู้เดือดร้อน ได้ออกมาสัมภาษณ์ว่า เดิมพื้นที่บริเวณดังกล่าวชาวบ้านได้ขายของมานานเกือบ 50 ปี จนกระทั่งมีปัญหา หลังมีชาวบ้านในละแวกเดียวกัน ได้ไปร้องเรียนเรื่องการสัญจรไปมาไม่สะดวกบริเวณจุดที่พ่อค้าแม่ค้าวางของขายผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสมุทรปราการ หลังศูนย์ดำรงธรรมฯได้รับแจ้ง จึงได้ประสานไปยังเทศบาลฯลงมาแก้ไข โดยการยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองสูงสุดว่าจุดที่พ่อค้าแม่ค้านำสิ่งของมาวางขาย เป็นที่สาธารณะที่ทางนิติหมู่บ้านได้ยกให้กับเทศบาลฯดูแล จนกระทั่งศาลฯได้มีคำสั่งห้ามไม่ให้กลุ่มพ่อค้าแม่ค้านำสิ่งของมาวางขายบริเวณดังกล่าว โดยเหตุเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2558
ขณะเดียวกันทางพ่อค้าแม่ค้าได้ตั้งทนายยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งจังหวัดฯ อีกครั้ง โดยระบุว่าบริเวณพื้นที่ที่ชาวบ้านวางของขายเป็นที่ดินสวนบุคคล ซี่งศาลแพ่งได้รับคำร้องและได้เป็นคดีแล้ว ซึ่งตนเห็นว่าเรื่องยังอยู่ในการพิจารณาของศาล แต่ทางเทศบาลฯ ไม่ยอมโดยอ้างว่าคำสั่งศาลปกครองถือว่าเป็นที่สิ้นสุดแล้ว ทำให้พวกพ่อค้าแม่ค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่ทำมาหากินมานานหลายสิบปีต้องได้รับความเดือดร้อน จึงได้นัดรวมตัวของพึ่งบารมีผู้ว่าฯช่วยเหลือพ่อค้าแม่ค้าที่หาเช้ากินได้มีช่องทางทำกิน ซึ่งหลังทางจังหวัดรับทราบปัญหา ก็ได้รับปากจะประสานแจ้งไปยังผู้ร้องมาร่วมเจรจาพูดคุยเพื่อหาทางออกร่วมกันอีกครั้งต่อไป ก่อนที่กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าจะพร้อมใจกันเดินทางกลับด้วยความผิดหวังโดยทั้งนี้ได้มีผู้บริหารตลาดสดมณีจันสุขที่อยู่ไม่ไกลจากตลาดดังกล่าวได้ยื่นมือให้ความช่วยเหลือโดยให้แม็กพ่อค้าแม่ค้าได้ไปขายของได้ฟรีเป็นเวลา 3 เดือนซึ่งหากพวกพ่อค้าแม่ค้าไปขายกันจริงก็จะทำให้ประชาชนและชาวบ้านไปซื้อของในตลาดดังกล่าว ที่มีบริเวณกว้างขวางที่จอดรถสะดวกสบายแต่ทางด้านพ่อค้าแม่ค้าก็อ้างว่าตลาดดังกล่าวห่างไกลจากลูกค้าขาประจำทำให้ขายของไม่ค่อยได้