อาชญากรรม

บุกทลายโกดังสินค้าทางออนไลน์

%e0%b8%9a%e0%b8%b8%e0%b8%81%e0%b8%97%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b9%82%e0%b8%81%e0%b8%94%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b8%99%e0%b8%84%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%97%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%ad

บุกทลายโกดังสินค้าทางออนไลน์ สั่งซื้อโทรศัพท์กลับได้เป็นผงซักฟอกอึ้งพบเซ็กซ์ทอยกว่าหมื่นชิ้น เร่งขยายผลจับตัวการใหญ่

เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2565 พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2/หน.ชป.5 ศปอส.ตร. (PCT), พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวนฯ บก.สส.ภ.2, พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ หาญแท้ รอง ผกก.กก.1 บก.ปส.3, พ.ต.ต.ชัยวัฒน์ จงเจริญ สว.(สอบสวน) สน.บางกอกใหญ่, พ.ต.ต.คณิตนนท์ ถนอมศรี สว.กก.สส.1 นำกำลัง ตรวจค้นบ้านเลขที่ซึ่งดัดแปลงเป็นโกดังเลขที่ 55/688 ม.2 ต.ศรีษะจรเข้น้อย อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ

พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่าสำหรับการเข้าตรวจค้นโกดังดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 13 พ.ค. เด็กหญิง อายุ 14 ปี ผู้เสียหายได้รับความเดือดร้อนอย่างมากเพราะเก็บเงินไว้ซื้อโทรศัพท์เพื่อการศึกษาโดย สั่งซื้อโทรศัพท์ยี่ห้อหนึ่ง ราคา 6,579 บาท จากร้านค้าชื่อ Xiaomi store th ในแอพพลิเคชั่นแห่งหนึ่ง ต่อมาเมื่อสินค้ามาส่งตรวจสอบพบว่าไม่ใช่โทรศัพท์ตามที่สั่ง แต่เป็น “ผงซักฟอก” จึงแจ้งความเพื่อดำเนินคดีไว้ที่ สภ.เมืองพัทยา จว.ชลบุรี ต่อมา พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เร่งสั่งการให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร. (PCT) สั่งการให้นำปฎิบัติการ 5 (PCT) วิเคราะห์แผนประทุษกรรม (criminal profiling )ในลักษณะดังกล่าวว่าเป็นแผนประทุษกรรมที่เป็นของกลุ่มคนร้ายเฉพาะกลุ่ม

พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวอีกต่อมา ชุดลาดตระเวนออนไลน์บก.สส.ภ.2 สืบสวนพบว่าเคยมีผู้เสียหายอีกหลายรายที่ถูกหลอกลวงในลักษณะดังกล่าวจึงร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปอส.ตร. (PCT) ชุดที่ 5 วิเคราะห์แผนประทุษกรรม (criminal profiling )ในลักษณะนี้ว่าเป็นแผนประทุษกรรมที่เป็นของกลุ่มคนร้ายเฉพาะกลุ่ม ซึ่งต่อมาสืบสวนร่วมกันจนพบกลุ่มมิจฉาชีพหลอกขายผงซักฟอกมีโกดังลับเพื่อใช้เป็นที่แพ็คสินค้าหลอกลวงและใช้เป็นที่เก็บพัสดุต่างๆทั้งหมดที่โกดังในพื้นที่อ.บางเสาธง ต่อมาศาลอนุมัติให้ออกหมายค้น ตามหมายค้นศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 405/2565 ลงวันที่ 7 ก.ค. 65 และต่อมาเมื่อ 8 ก.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.2 และ ศปอส.ตร. (PCT) ชุดที่ 5 ร่วมกันนำกำลังพร้อมหมายค้นเข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าวพบ นายกันต์กวี อิ่นทะจักร์ หรือตี๋ อายุ 23 ปี ที่อยู่ 91 ม.10 ต.หนองบัว อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ อยู่ภายในบ้านและค้นพบสิ่งของ คอมพิวเตอร์ จำนวน 1 เครื่อง (พบข้อมูลรายการสินค้าที่หลอกลวงขายโทรศัพท์ ตรวจสอบเบื้องต้นพบเดือนละไม่ต่ำกว่า 1,000 รายการ), อุปกรณ์เซ็กซ์ทอย ตรวจสอบเบื้องต้น ไม่ต่ำกว่า 10,000 ชิ้น, เอกสารการสั่งซื้ออุปกรณ์เซ็กซ์ทอยนำเข้าจากประเทศจีน (ตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบเอกสารการนำเข้าผ่านกรมศุลกากร), กล่องพัสดุ บรรจุอุปกรณ์เซ็กซ์ทอย เพื่อรอจัดส่ง 25 กล่อง, อุปกรณ์สำหรับห่อพัสดุหลายรายการ หลังการตรวจค้นจึงจับกุมนายกันต์กวี โดยกล่าวหาว่า “เพื่อความประสงค์แห่งการค้า หรือโดยการค้า เพื่อการแจกจ่ายหรือเพื่อการแสดงอวดแก่ประชาชน ทำ ผลิต มีไว้ นำเข้าหรือยังให้นำเข้าในราชอาณาจักร หรือทำให้แพร่หลายโดยประการใด ๆ ซึ่งเอกสาร ภาพเขียน ภาพพิมพ์ ภาพระบายสี สิ่งพิมพ์ รูปภาพ ภาพโฆษณา เครื่องหมาย รูปถ่าย ภาพยนตร์ แถบบันทึกเสียง แถบบันทึกภาพหรือสิ่งอื่นใดอันลามก, ประกอบการค้า หรือมีส่วนหรือเข้าเกี่ยวข้องในการค้าเกี่ยวกับวัตถุหรือสิ่งของลามกดังกล่าวแล้ว จ่ายแจกหรือแสดงอวดแก่ประชาชน หรือให้เช่าวัตถุหรือสิ่งของเช่นว่านั้น, เพื่อจะช่วยการทำให้แพร่หลาย หรือการค้าวัตถุหรือสิ่งของลามกดังกล่าวแล้ว โฆษณาหรือไขข่าวโดยประการใด ๆ ว่ามีบุคคลกระทำการอันเป็นความผิดตามมาตรานี้ หรือโฆษณาหรือไขข่าวว่าวัตถุ หรือสิ่งของลามกดังกล่าวแล้วจะหาได้จากบุคคลใด หรือโดยวิธีใด”

ผบก.สส.ภ.2 กล่าวว่าจากการสืบสวนพบว่า นายซัน และ น.ส.เหมย สองสามีภรรยาที่เป็นตัวการในการหลอกลวงขายโทรศัพท์ แล้วนำส่งเป็นผงซักฟอกเพื่อรวบรวมเงินทุนจนพอ แล้วเปลี่ยนมาจำหน่ายอุปกรณ์เซ็กซ์ทอยออนไลน์ โดยใช้โกดังที่ตรวจค้นเป็นที่เก็บ และแพ็คสินค้า ส่วนนายกันต์กวี มีหน้าที่เฝ้าโกดังสินค้า ทางชุดสืบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับดำเนินคดีนายซัน และน.ส.เหมย ข้อหา ”ร่วมกันพยายามฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ฯ“ โดยจะนำทุนที่ได้จากการฉ้อโกงหลอกขายโทรศัพท์มาเป็นทุนเพื่อซื้ออุปกรณ์เซ็กซ์ทอยที่ตรวจค้นพบ และประกาศขายทางแอพพลิเคชั่น โดยตรวจพบพัสดุที่รอจัดส่งบางกล่องพบว่ามีการจัดส่งให้กับเด็กเยาวชนที่อายุเพียง 14 ปี อยู่ด้วย จึงนำตัวผู้ต้องหา พร้อมด้วยของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สภ บางเสาธง สมุทรปราการ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ต.ธีรเดช หน.ชป.5 ศปอส.ตร. (PCT) กล่าวว่า “มิจฉาชีพพวกนี้มัก ไม่คิดทำมาหากิน ชอบรวยทางลัด หิวเงินจนไม่เหลือความดีในจิตใจ โกงแม้กระทั่งเด็ก เยาวชน โดยสร้างความเสียหายไปทั่วประเทศ คนพวกนี้มักเริ่มจากธุรกิจสีดำ และค่อยๆฟอกเป็นสีเทา สุดท้ายหวังฟอกเป็นสีขาวและมีหน้ามีตาในสังคม จะปล่อยไว้ไม่ได้เป็นอันตรายต่อสังคมอย่างยิ่ง”

0 Comments
Share

Admin

Reply your comment

Your email address will not be published. Required fields are marked*