ลูกอดีตนายแพทย์รพ.ตร.เจ้าของคลีนิคที่โดนปลอมลายเซ็นใบสั่งซื้อยาอันตรายมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท เข้าให้ปากคำตำรวจกองปราบ
จากกรณีที่นายนิกม์ แสงศิรินาวิน ลูกชาย พล.ต.ท.ดร.สิทธิเดช แสงศิรินาวิน อดีต แพทย์ รพ.ตร. ปัจจุบันเป็นเจ้าของคลินิคนวลจันทร์ ย่านรามอินทราแจ้งความ พงส.บก.ป.เมื่อ 14 ธ.ค.65 ว่าเจ้าหน้าที่ อย.ฝ่ายยาเสพติด สอบถามถึงเรื่องการสั่งยาของทางคลีนิค เป็นลายเซ็นของพ่อโดนปลอมใบสั่งซื้อยาอันตราย จำนวนมาก มูลค่ากว่า 100 ล้าน ซึ่งพบว่ายาดังกล่าวเป็นยาอันตราย สามารถนำไปใช้ เป็นส่วนผสมของยาเสพติด เช่น เค นมผง จึงอยากทางให้ทางเจ้าหน้าที่มีการตรวจสอบเส้นทางของยาอันตรายดังกล่าวว่าถูกนำไปใช้เป็นส่วนผสมของยาเสพติดหรือไม่ เพราะจะส่งผลอันตรายต่อสังคม
ล่าสุดวันนี้ (10 ก.พ.) เวลา 10.30 น.ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ ได้พานิกม์ แสงศิรินาวิน บุตรชายพล.ต.ท.ดร.สิทธิเดช และภาณุวัฒน์ ขวัญยืน ผู้จัดการคลินิคนวลจันทร์ มาพบ ร.ต.อ.มณเทียร ธงเทียน รอง สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ป. เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม โดยคุณนิกม์ได้กล่าวว่า สืบเนื่องจากการที่คุณพ่อถูกแก๊งมิจฉาชีพปลอมลายเซ็นเชื่ออ้างว่าเป็น พล.ต.ท.ดร.สิทธิเดช ไปสั่งยาทามาดอล ซึ่งเป็นยาที่ผิดกฎหมายและเป็นสารตั้งต้นยาเสพติด กับบริษัทผลิตยา แล้วนำไปส่งจำหน่ายแก่ผู้ที่ต้องการใช้ยา ซึ่งยอดการสั่งแต่ละครั้งเกือบหลายแสนเม็ด จึงถูกทาง อย.เข้ามาตรวจสอบ เพราะคิดว่าจะนำยามาใช้ที่คลินิค แต่จริง ๆ แล้วคลินิคไม่มีความจำเป็นต้องใช้ พอได้ตามสอดแหนมจากเส้นทางที่จัดส่งยา ก็พบว่ามีรถ taxi ทำหน้าที่เป็นเอเย่นต์ส่งยา ซึ่งกรณีดังกล่าวสร้างความเสียหายแก่พ่อของตนเองเป็นอย่างม่ก อีกทั้งยังกังวลว่าจะเป็นภัยร้ายต่อสังคมด้วย เนื่องจากเท่าที่ทราบ จนถึงทุกวันนี้ยังมีการสั่งยาดังกล่าวโดยใช้ชื่อพ่อของตนอย่างต่อเนื่อง จึงอยากจะให้ตำรวจกองปราบเร่งรัดการดำเนินคดีและเตรียมพยานหลักฐานเข้ามามอบให้ตำรวจเพิ่มเติม โดยเฉพาะทะเบียนรถ taxi ที่ทำหน้าที่ส่งยาด้วย
ด้าน ดร.เกรียงศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้นอกจากทำให้ พล.ต.ท.ดร.สิทธิเดช ได้รับความเสียหายแล้ว ยังถือว่าเป็นภัยอย่างยิ่งต่อสังคม วันนี้จึงเดินทางเข้ามาแสดงพยานหลักฐานและให้ปากคำเพิ่มเติม ทั้งนี้คาดว่า ข้อมูลชื่อของ พล.ต.ท.ดร.สิทธิเดช อาจจะถูกรั่วไหลโดย อย.ที่มีฐานข้อมูลอยู่ จึงทำให้มิจฉาชีพฉวยโอกาสนำชื่อไปปลอมแปลงลายเซ็นได้ ทั้งนี้ยังฝากถึง อย.ให้รัดกุมเรื่องการดูแลรักษาข้อมูลส่วนบุคคลและตรวจสอบบริษัทื่ผลิตจัดจำหน่ายยาดังกล่าวด้วย