ข่าวประชาสัมพันธ์

รู้ทันเพื่อป้องกัน อะดีโนไวรัสในเด็ก

%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%97%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%9e%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%9b%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%99-%e0%b8%ad%e0%b8%b0%e0%b8%94%e0%b8%b5

อะดีโนไวรัส (Adenovirus) เป็นไวรัสที่ระบาดได้ทั้งปี แพร่กระจายง่าย ส่งผลให้เกิดโรคในหลายระบบของร่างกาย มีตั้งแต่อาการไข้หวัด คออักเสบ หลอดลมอักเสบ ตาแดง ท้องเสีย ซึ่งความรุนแรงมีได้ตั้งแต่น้อยจนถึงขั้นรุนแรง พบบ่อยในกลุ่มเด็กอายุ 6 เดือน – 5 ปี

การติดต่อ

เกิดจาดสูดหายใจเอาละอองน้ำมูก หรือเสมหะที่ปนเปื้อนเชื้อเข้าไป และติดต่อได้จากการสัมผัสเชื้อ รวมถึงการรับประทานอาหารและน้ำที่มีการปนเปื้อนของเชื้อ

อาการเมื่อได้รับเชื้อ

  • ไข้สูง 5-7 วัน ไข้มักขึ้นเวลากลางคืน
  • นอนกรน หายใจขัด
  • คัดจมูก น้ำมูกไหล
  • ไอ เจ็บหู
  • เจ็บคอ เสียงแหบ และอาจมีปัญหาในการกลืน
  • ตาแดง มีน้ำตาไหล
  • ท้องเสีย อาเจียน

การรักษา

ส่วนใหญ่จะรักษาตามอาการ เพราะเชื้ออะดีโนไวรัส จะแตกต่างจากเชื้อไข้หวัด คือ ไม่มียาต้านเชื้อไวรัสโดยเฉพาะ จึงต้องรักษาตามอาการ เช่น ให้น้ำเกลือ พ่นยา ดูดเสมหะ หรือให้ออกซิเจนเมื่อมีการติดเชื้อที่ปอด ให้ยาลดไข้และเช็ดตัว

การป้องกัน

  • ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่
  • รักษาความสะอาดภายในบ้าน เช็ดโต๊ะ เก้าอี้ และของเล่น
  • หลีกเลี่ยงแหล่งชุมชนที่มีคนแออัด
  • ปิดจมูกเวลาไอ จาม

โดย พญ.ปิติพันธุ์ จูศิริวงค์
แพทย์ชำนาญการด้านกุมารเวชกรรม
แผนกกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลบางปะกอกสมุทรปราการ โทร. 0-2109-3222 ต่อ 10215-10216

0 Comments
Share

Admin

Reply your comment

Your email address will not be published. Required fields are marked*